นิสัยเสียของคนที่ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ! - ninesonson.blogspot.com

นิสัยเสียของคนที่ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ!

นิสัยเสียของคนที่ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ!

หมดกำลังใจ ท้อแท้

คุณเคยถามตัวเองมั๊ยว่า ทำไมทำอะไรก็ไม่เคยสำเร็จเหมือนคนอื่น ซึ่งความสำเร็จมาจาก ทักษะความสามารถ ความอดทน ความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะถึงจุดนั้น และยังต้องอาศัยความเข้าใจพฤติกรรมของตนเองให้ได้ด้วย เพื่อจะได้เปลี่ยนแปลงมันก่อนที่มันจะมาทำลายศักยภาพของคุณแทน และนี่คือนิสัยแย่ๆ ที่จะส่งผลเสียต่อคุณ ลองถามตัวเองดูสิว่า คุณมีนิสัยเหล่านี้กันบ้างไหม?

1. ทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบ
นี่เป็นหนึ่งในวิธีการที่เลวร้ายที่สุดในการทำลายตัวคุณเอง เพราะคนไม่เคยทำผิดพลาดก็คือคนที่ไม่เคยลองทำสิ่งใหม่ การพยายามให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบจะทำให้คุณเครียดและขาดแคลนความคิดสร้างสรรค์ได้ งานที่ทำจึงกลายเป็นเรื่องยาก น่าเบื่อ และกินเวลานานมากขึ้นได้ ลองปล่อยให้ตัวคุณเองได้ทำผิดพลาดบ้าง จดจำและเรียนรู้กับความผิดพลาดเหล่านั้นไว้ ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่มักเกิดจากการแก้ไขปรับปรุงข้อผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำอีกจนอุปสรรคใดก็สามารถก้าวข้ามไปได้ยังไงล่ะ

2. ฝากอนาคตไว้กับคนอื่น
การฝากอนาคต หรือ หวังผลโดยการพึ่งพาผู้อื่นเป็นหลักนั้น จะทำให้คุณอ่อนแอต่อการใช้ชีวิตและขาดทักษะในการแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง ซึ่งเมื่อคนที่คุณคอยขอความช่วยเหลืออยู่ตลอดนั้น เกิดเปลี่ยนความคิดไม่ให้ความช่วยเหลือต่อไป หรือผิดใจกับคุณเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ก็จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตัวคุณเอง ซึ่งหากคุณเป็นคนที่ทำธุรกิจ ก็จะทำให้ความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจต้องขาดตอน หรือหากเป็นคนทำงานประจำ การฝากเพื่อนร่วมงานให้ช่วยเคลียร์งานของคุณบ่อยๆ จนเป็นนิสัย เมื่อเกิดความผิดพลาดจากงานนั้นก็จะกลายเป็นความผิดของคุณไปโดยปริยาย และยังทำให้คุณขาดความเชี่ยวชาญในการทำงานในส่วนงานที่คุณต้องรับผิดชอบอีกด้วย
3. ชอบกดเลื่อนนาฬิกาปลุกออกไปเรื่อยๆ
หลายๆ งานวิจัยพบว่าการกดเลื่อนเวลานาฬิกาปลุกในตอนเช้าออกไปอีก 15 นาที ไม่ได้ช่วยให้เราตื่นมาอย่างสดชื่นมากขึ้นเลย นักวิทยาศาสตร์ค้นพบมานานแล้วว่า ความจริงคนเราจำเป็นที่จะต้องมีช่วงของการหลับลึก (Rapid Eye Movement: REM) ต่างหาก เพื่อเป็นการชาร์จพลังให้ร่างกาย โดยการที่เรากดเลื่อนเวลานาฬิกาออกไปเรื่อยๆ นั้นนอกจากจะไม่ช่วยอะไรแล้ว ยังทำให้เรารู้สึกอ่อนล้าและเพลียมากกว่าเดิมอีกด้วย ดังนั้น แทนที่จะเลื่อนเวลาปลุกเพื่อที่จะได้เพิ่มเวลานอนต่อ คุณควรจะตื่นนอนทันทีที่นาฬิกาปลุกดัง แล้วเริ่มทำกิจวัตรประจำวันที่จะทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นจะดีกว่า

4. ยึดติดว่าตัวเองเก่งที่สุดดีที่สุด
คนประเภทนี้มัก "ตกม้าตายทุกราย" เพราะเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง และพร้อมที่จะพูดจาดูถูกเหยียดหยามหรือกระทำตนให้เหนือคนอื่นได้ทุกเวลา โดยเฉพาะมักจะรู้สึกขายหน้าหากต้องขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น แต่ในโลกแห่งการทำงานหรือการทำธุรกิจนั้น คอนเน็คชั่นหรือการประสานงานขอความร่วมมือเป็นสิ่งที่ช่วยนำพาคุณไปสู่ความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว และอาจเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ธุรกิจของคุณอยู่หรือไปก็ว่าได้ แต่ถ้าหากคุณเข้าข้างตัวเอง ดูถูกความคิดคนใกล้ตัว และไม่ยอมรับความช่วยเหลือ เมื่อถึงยามลำบากเข้าตาจนจริงๆ จน ‘หลังชนฝา’ คุณจะรู้ว่าไม่มีใครอยู่รอดได้เพราะความอวดเก่ง แต่คือการยอมรับความช่วยเหลือจากคนรอบข้างอย่างจริงใจต่างหาก

การไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต

5. ชอบทำหลายๆ อย่างในเวลาเดียวกัน
ต่อให้คุณทำอะไรหลายพร้อมกันได้ แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการทำงาน ในความเป็นจริง มีงานวิจัยที่พบว่า การทำหลายอย่างพร้อมกันจะทำให้ความทรงจำในระยะสั้นลดลง และเมื่อเวลาผ่านไป ความทรงจำในระยะยาวของคุณก็จะลดลงตามไปด้วย การทำหลายอย่างในเวลาเดียวกันทำให้คุณพลาดรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่สำคัญไป และยังทำให้เกิดความผิดพลาดมากขึ้นด้วย ดังนั้น ควรจะโฟกัสและจัดลำดับการทำงานแต่ละงานให้เสร็จไปทีละอย่างจะดีกว่า

6. กลัวการเริ่มต้นใหม่
ความกลัวเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น แต่ทุกคนสัมผัสได้ โดยเฉพาะกับคนที่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ อยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ความกลัวการเริ่มต้นก็จะยิ่งเป็นอุปสรรคหนึ่งที่จะทำให้ความสำเร็จของคุณ ‘มีจริงแค่ในนิยาย’ ซึ่งคนประเภทนี้หากทำธุรกิจหรือต้องทำงานสำคัญงานใดงานหนึ่ง มักจะรู้สึกกลัวการเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ กลัวการทำงานที่ไม่เคยทำมาก่อน กลัวว่าจะทำงานไม่สำเร็จ หรือกลัวว่าจะทำธุรกิจล้มเหลวต่างๆ นานา แม้ว่าจะเห็นลู่ทาง อยู่ในเวลาที่เหมาะสม และได้รับโอกาสดีๆ ก็ตามที จึงทำให้คนประเภทนี้วนเวียนอยู่ในวงจรแห่ง ‘Comfort Zone’ ที่รอคอยให้ความสำเร็จเดินมาหาซึ่งไม่มีวันเป็นจริงได้

7. ชอบนั่งทำงานนานเกินไป

หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์แทบทั้งวัน คุณจะพบว่ากระดูกสันหลัง มีความยืดหยุ่นน้อยลง ส่งผลให้หลังช่วงล่าง ไหล่ และลำคอ ตึงและปวดเมื่อย ทั้งยังทำให้ลดระดับการไหลเวียนเลือดไปยังสมองและปอดซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการทำงานให้ได้เต็มศักยภาพอีกด้วย หาเวลาพักจากการทำงานทุกๆ 1-2 ชั่วโมง เพื่อมายืดหลังยืดไหล่บ้าง หรืออาจจะหาเวลาว่างเล่นกีฬา โยคะ หรือพิลาทิส (Pilates) เป็นประจำก็ได้ เพราะการยืดและสร้างกล้ามเนื้อให้ร่างกายจะช่วยลดความเสี่ยงของกลุ่มอาการ Office Sydrome เช่น โรคการกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ กล้ามเนื้อหลังหดเกร็ง และโรค RSI (Repetitive-motion injury) เป็นต้น

8. ถอดใจทิ้งเป้าหมายไว้กลางทาง


เป้าหมายก็เหมือนการถ่ายภาพ ‘มีเบลอ มีชัด’ แต่คนที่มุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จนั้น จะวาดเป้าหมายจนเห็นเป็นรูปร่างอย่างชัดเจนไว้ และทำทุกวิถีทางเพื่อให้ภาพนั้นเป็นจริง แต่กับคนที่ล้มง่าย หายใจก็เหนื่อย ถอดใจทิ้งเสียดื้อๆ ทั้งที่ยังไม่ถึงครึ่งทาง ก็ทำให้พวกเขาวนเวียนอยู่กับภาพเบลอที่ไม่มีวันชัดซักที ดังนั้นการจะเริ่มต้นทำธุรกิจหรือทำงานสักอย่างที่สำคัญมันมีต้นทุนหลายอย่างในชีวิตที่ต้องแลกมา ทั้งเงิน เวลา ความคิด ความสัมพันธ์ หรือแม้แต่สุขภาพ ในเมื่อคุณรู้แล้วว่าต้องแลกกับอะไรมาบ้าง แล้วจะโยนมันทิ้งไปง่ายๆ อย่างนั้นหรือ

9. กดดันตัวเอง
การตั้งเป้าหมายในชีวิตเป็นเรื่องดี แต่ถ้ากดดันตัวเองมากเกินไปคุณก็จะใช้ชีวิตแบบเครียด ๆ  ดังนั้นลองหันมาวางแผนระยะสั้นกับเรื่องเล็ก ๆ สักเรื่องหนึ่งก่อน  เช่น ปีหน้าจะต้องมีเงินเก็บมากขึ้น หรือ ต้องเคลียร์หนี้สินให้หมดภายในสองปี เป็นต้น การวางแผนระยะสั้นแบบนี้เป็นการกระตุ้นให้คุณอยากพัฒนาตัวเองเพื่อทำให้สำเร็จ แทนการกดดันตัวเองว่าต้องทำให้ได้ 
นิสัยเสียของคนที่ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ! นิสัยเสียของคนที่ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ! Reviewed by ninesonson on มิถุนายน 09, 2563 Rating: 5
ขับเคลื่อนโดย Blogger.